แชร์โพสนี้
ชาติพันธมิตรในสหภาพยุโรปปฏิเสธข้อเสนอของสหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ที่ให้ใช้มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่กับรัสเซีย จากกรณีที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีด้วยสารเคมีในจังหวัดอิดลิบของซีเรีย
ที่ประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก 7 ประเทศ หรือ G7 ที่ประชุมอยู่ที่เมืองลุกกา ของอิตาลี ได้หารือเรื่องเหตุการณ์โจมตีด้วยอาวุธเคมีในซีเรีย ที่มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 70 คน และมีเด็กรวมอยู่ด้วย
นายบอริส จอห์นสัน รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ และแกนนำขับเคลื่อนการประชุมครั้งนี้ ได้เสนอต่อที่ประชุมให้หามาตรการลงโทษด้วยการคว่ำบาตรรัสเซีย เนื่องจากเชื่อว่ารัสเซียน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีที่เกิดขึ้นด้วย โดยนายจอห์นสัน ยืนยันว่า การเสนอมาตรการลงโทษก็เพื่อทำให้การสืบสวนสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าวเดินหน้าได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งวิธีการที่อังกฤษนำเสนอก็คือการช่วยเหลือคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในซีเรีย เพราะชาติที่เกี่ยวข้องกับการโจมตีที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย หรือซีเรียเอง ก็สมควรที่จะถูกลงโทษด้วยมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ และด้านอื่นๆ ด้วยทั้งสิ้น
แต่ข้อเสนอดังกล่าวไม่ได้รับการสนับสนุนจากตัวแทนในที่ประชุมจากเยอรมนี และอิตาลี สองหัวเรือใหญ่ในกลุ่มชาติพันธมิตรของสหภาพยุโรป รวมทั้งแคนาดาด้วย โดยทั้งหมดต้องการให้ระบุเป้าหมายในการดำเนินการมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียที่ชัดเจนยิ่งกว่านี้ และเห็นว่าข้อเสนอของอังกฤษไม่มีข้อพิสูจน์อะไรที่จะยืนยันได้ว่าจะเเก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้จริง เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่ารัสเซียเกี่ยวข้องกับการโจมตีดังกล่าวจริง อีกทั้งยังเห็นพ้องด้วยว่า คงไม่มีทางหาวิธีแก้ปัญหาความขัดแย้งในซีเรียได้แน่นอน หากประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ยังคงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และมีอำนาจในซีเรียอยู่
ภายหลังข้อเสนอของนายจอห์นสันถูกปฏิเสธ รายงานข่าวระบุว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนางเทเรซา เมย์ ได้ออกแถลงการณ์ในทำนองเดียวกันว่า การปฏิเสธข้อเสนอในที่ประชุม G7 เป็นการทิ้งโอกาสที่จะได้โค่นล้มระบอบการปกครองของประธานาธิบดีอัล อัสซาด ของซีเรีย