แชร์โพสนี้
เรื่องราวของวัยรุ่นสาวชาวอังกฤษ ที่หนีไปเข้ากับไอเอสในซีเรีย แต่เมื่อเดือนที่ผ่านมาร้องขออยากกลับบ้านก็ปรากฎว่าไม่ได้กลับล่าสุด มีรายงานว่าลูกของเธอที่เพิ่งเกิดได้ไม่นาน ตอนนี้เสียชีวิตแล้ว
เป็นประเด็นถกเถียงกันหนักพอสมควรในอังกฤษ กับเรื่องราวของนางสาวชามิมา เบกุม วัยรุ่นชาวอังกฤษ ที่หนีออกจากบ้านตอนอายุ 15 หรือเมื่อ 4 ปีที่แล้ว พร้อมกับเพื่อนอีกสองคน เพื่อไปเข้าร่วมกับกลุ่มไอเอสที่ซีเรีย ซึ่งเมื่อกลางเดือนที่แล้ว มีนักข่าวไปเจอเธออยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย กับสามีซึ่งเป็นชายเนเธอร์แลนด์ ที่ไปเข้าร่วมกับกลุ่มไอเอสเช่นกัน
ปัญหาคือเมื่อเดือนที่แล้ว เธอได้ร้องขอกับรัฐบาลสหราชอาณาจักรว่าอยากจะกลับบ้านที่ลอนดอน แต่ปรากฎว่ารัฐบาลปฏิเสธคำขอ และทางกระทรวงมหาดไทย ได้ถอดสัญชาติของเธอด้วย
ซึ่งตอนนั้นสังคมที่อังกฤษ ก็ถกเถียงกันพอสมควรแล้วว่าควรจะให้โอกาสวัยรุ่นที่ไม่ได้คิดหน้าคิดหลังให้ดี ได้กลับมาสร้างชีวิตใหม่หรือไม่ ซึ่งก็มีทั้งผู้ที่อยากให้โอกาส และผู้ที่ไม่เห็นด้วย เพราะกลัวว่าจะเป็นกรณีตัวอย่าง ทำให้เกิดภัยต่อความมั่นคงตามมา
โดยเมื่อวานนี้ มีข่าวว่าลูกคนล่าสุดของเบกุมที่เพิ่งเกิดในค่ายผู้ลี้ภัย เสียชีวิต จากโรคปอดบวม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้เธอก็ตั้งครรภ์ลูกสองคน แล้วก็คลอดออกมาเสียชีวิตทั้งสองคน เพราะสภาพความเป็นอยู่ที่ขาดแคลนในค่ายผู้ลี้ภัย
ด้านโฆษกรัฐบาลสหราชอาณาจักร กล่าวว่า การเสียชีวิตของเด็ก “น่าเศร้า” และต่อไปจะพยายามให้มากกว่านี้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีพลเมืองเดินทางไปเข้าร่วมกับกลุ่มติดอาวุธนอกประเทศ ส่วนคนสนิทของครอบครัว เบกุมกล่าวว่า รัฐบาลสหราชอาณาจักร ล้มเหลวที่ปกป้องชีวิตเด็กชาวอังกฤษไม่ได้ เนื่องจากเด็กคลอดก่อนหน้าที่แม่จะถูกถอดสัญญาชาติอังกฤษ ดังนั้นต้องถือว่าเด็กเป็นชาวอังกฤษ
ชาตะกรรมของเบกุมกลายเป็นกรณีถกเถียงเรื่องจริยธรรม เรื่องกฎหมาย และประเด็นด้านความมั่นคงที่ซับซ้อนไปแล้ว ในขณะที่รัฐบาลของอีกหลายชาติตะวันตก กำลังต้องรับมือกับสมาชิกกลุ่มติดอาวุธ ที่อาจเข้ามาก่อความไม่สงบได้