แชร์โพสนี้
บังกลาเทศแจ้งต่อสหประชาชาติว่า ไม่สามารถรับผู้ลี้ภัยจากเมียนมาได้อีกแล้ว ถือเป็นครั้งแรกที่บังกลาเทศขู่ปิดพรมแดนเพื่อสกัดกั้นชาวโรฮิงญา
นายชาฮิดูล เฮ็ก (Shahidul Haque) รัฐมนตรีต่างประเทศของบังคลาเทศ กล่าวต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่า บังกลาเทศไม่อยู่ในฐานะที่จะรับเลี้ยงดูผู้ลี้ภัยจากเมียนมาได้อีกต่อไป และตั้งคำถามว่า บังกลาเทศกำลังชดใช้อยู่หรือไม่ ที่มีความอ่อนไหวและรับผิดชอบ ในการแสดงเห็นใจต่อประชากรกลุ่มน้อยในประเทศเพื่อนบ้าน
นายเฮ็ก ยังได้แสดงความคับข้องใจต่อคณะมนตรีความมั่นคง และประชาคมนานาชาติที่ไม่ดำเนินการแก้ไขวิกฤติอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมกับกล่าวหาเมียนมา พยายามโยนความผิดให้บังกลาเทศ โดยกล่าวหาบังกลาเทศให้ที่พักพิงแก่กลุ่มก่อการร้าย ทั้งที่บังกลาเทศมีนโยบายความอดกลั้นเป็นศูนย์ต่อเรื่องดังกล่าว และประนามความล้มเหลวของเมียนมา ในการดำเนินการรับผู้ลี้ภัยกลับประเทศ เนื่องจากไม่มีหลักประกันความปลอดภัย ทำให้ไม่มีชาวโรฮิงญายอมเดินทางกลับแม้แต่คนเดียว
อย่างไรก็ตาม นายฮอ โด ซวน (Hau Do Suan) ทูตเมียนมาประจำสหประชาชาติกล่าวว่า เมียนมามั่นใจว่าแผนส่งผู้ลี้ภัยกลับประเทศจะประสบความสำเร็จ ถ้าทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามข้อตกลง
ปัจจุบัน บังกลาเทศให้ที่พักพิงผู้ลี้ภัยจากเมียนมามากกว่า 1 ล้านคน ในจำนวนนี้ มี 7 แสนคนที่หลบหนีข้ามพรมแดนมาในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา หลังจากกองกำลังเมียนมาปฏิบัติการกวาดล้างในรัฐยะไข่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายพันคน ผู้หญิงหลายรายถูกข่มขืน และหมู่บ้านหลายร้อยแห่งถูกเผา
ผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่เดินทางมาถึงบังกลาเทศในช่วงเดือนสิงหาคมถึงธันวาคมปี 2017 และในปีที่ผ่านมา มีผู้ลี้ภัยอพยพมาอีก 1 หมื่น 6 พันคน ซึ่งถือว่าน้อยลงมาก และบางสัปดาห์ ไม่มีผู้ลี้ภัยเลย