แชร์โพสนี้
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน เดินทางถึงรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา แล้ว ตามกำหนดการการประชุุมสุดยอดร่วมกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลายฝ่ายคาดว่าผลการประชุมจะทำให้แนวโน้มความสัมพันธ์สองชาติเป็นไปในทางที่ดีขึ้น
นับเป็นการประชุมที่ทั่วโลกจับตามอง เนื่องจากเป็นการพบกันระหว่าง 2 ผู้นำโลก คือ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ในการประชุมสุดยอด Mar-a-Lago ที่รัฐฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 6-7 เมษายน 2560
ประเด็นสำคัญที่คาดว่าจะมีการหารือกันคือเรื่องความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน โดยสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ได้ทวีตข้อความโจมตีที่น่าจะสื่อถึงผลกระทบจากมาตรการแทรกแซงค่าเงินของจีนว่า สหรัฐฯไม่อาจรับได้หากต้องประสบภาวะเศรษฐกิจและการค้าที่ขาดดุลครั้งใหญ่ รวมทั้งภาวะการว่างงานของตลาดแรงงาน
ขณะที่ประเด็นเรื่องความขัดแย้งบนคาบสมุทรเกาหลีซึ่งเป็นปัญหาเร่งด่วนที่สหรัฐฯกังวลใจนั้น คาดการณ์ว่าทรัมป์จะเรียกร้องให้ประธานาธิบดีจีนกดดันให้เกาหลีเหนือยุติโครงการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ ด้วยการปิดกั้นเส้นทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เกาหลีเหนือจะนำไปใช้ในการพัฒนาโครงการดังกล่าว เช่น การให้จีนออกมาตรการกีดกันการค้ากับเกาหลีเหนือ เป็นต้น
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักข่าว The Financial Times รายงานว่า ทรัมป์จะนำทีมสหรัฐฯ จัดการกับปัญหาบนคาบสมุทรเกาหลีเอง หากจีนไม่ดำเนินมาตรการใดๆ เพื่อหยุดยั้งการเดินหน้าโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
ขณะที่ทางฝั่งผู้นำจีนน่าจะต้องการหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในประเด็นหลักเรื่องการเรียกร้องให้สหรัฐฯ เคารพในนโยบายจีนเดียว และไม่ก้าวก่ายด้วยการติดต่อหารือกับเขตปกครองต่างๆ ของจีนด้วยตนเอง แต่ควรหารือผ่านรัฐบาลจีน และคาดว่านายสีจะนำกรณีที่สหรัฐฯ มีแผนค้าอาวุธยุทโธปกรณ์กับไต้หวันขึ้นมาพูดคุยด้วย
ส่วนประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก และข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ที่ทั้งสองฝ่ายเห็นต่างกันอยู่นั้น ไม่ได้คาดการณ์ว่าจะมีการหารือกัน
อย่างไรก็ตาม การประสุดยอดครั้งนี้ทำให้ภาคเศรษฐกิจหลายส่วนมีแนวโน้มกระเตื้องขึ้นด้วย CNBC ระบุว่า หุ้นดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 50 จุด S & P เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 และ แนสเเดก เพิ่มร้อยละ 0.15