แชร์โพสนี้
สัปดาห์นี้ ลีลามีพาไปเที่ยว ‘โครเอเชีย’ เมืองพระจันทร์เสี้ยวแห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เยี่ยมชมเมืองสตอน เมืองมาลี สตอน และ เมืองดูบรอฟนิก 3 เมืองริม ที่รับรองว่าใครได้ไปเยือนเป็นต้องหลงใหลกับมนต์เสน่ห์ยุคโรมัน ถ้าพร้อมแล้วก็มาลุยกันเลย!
เริ่มต้นกันที่เมือง สตอน (Ston) เมืองเล็กริมทะเลทางตอนใต้ของโครเอเชีย ผู้ครอบครองกำแพงเมืองที่ยาวที่สุดในยุโรป และเป็นแหล่งผลิตเกลือที่สำคัญตั้งแต่ยุคโรมัน
กำแพงเมืองสตอน (Walls of Ston) กำแพงโบราณที่ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างยาวนานถึง 200 ปี และมีความยาวเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากกำแพงเมืองจีน ด้วยความยาวกว่า 7 กิโลเมตร แต่เมื่อเวลาผ่านไป กำแพงเมืองก็เริ่มชำรุดมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเหลือความยาวเพียง 5.5 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนไปของกาลเวลาก็ไม่ได้ทำให้ความสวยงามของกำแพงเมืองจางหายไปเลย ยังคงทิ้งร่องรอยความเจริญรุ่งเรืองของสถาปัตยกรรมยุคกลางในอดีตให้เราได้ชื่นชม ทำให้ที่นี่กลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาดเด็ดขาด!
เดินกันจนเหนื่อยแล้วก็มาแวะชมภาพวาดสวย ๆ จากศิลปินชาวฝรั่งเศสสุดเจ๋งผู้รักการเดินทางรอบโลกกัน ซึ่งแต่ละภาพก็มาจากประสบการณ์การเดินทางนั่นเอง
นอกจากนี้ เขายัวเล่าว่าครั้งหนึ่งเคยไปอยู่กับชนเผ่าแม้วที่ไทยเป็นเวลา 8 วัน ซึ่งทำให้เขาสามารถถ่ายทอดเรื่องราวที่พบเจอสู่สายตาชาวโลกผ่านภาพวาดได้นั่นเอง
เดินลัดเลาะรอบเมืองมาเรื่อย ๆ ก็ถึงเวลาเติมพลัง โดยเรามาแวะกันที่ร้าน Bota Sare ในเมือง มาลี สตอน (Mali Ston) เมืองพี่น้องใกล้กับเมืองสตอน ตั้งอยู่บนคาบสมุทรเพลเยแซค (Peljesac) บริเวณนี้เป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ มีแพลงตอนจำนวนมาก ทำให้ มาลี สตอน เป็นแหล่งทำอุตสาหรรมประมงที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศโครเอเชีย และ ‘ฟาร์มหอยนางรม’ ยังเป็นที่นิยมของที่นี่อีกด้วย
และแล้วก็ได้เวลาลงเรือไปชิมอาหารทะเลสด ๆ และชมความงดงามของทะเลที่นี่
ในที่สุด !! เราก็พบกับหอยนางรมแบบสด ๆ จากท้องทะเล
หอยนางรมอายุ 1 ปี
โตเต็มวัย
บีบเลมอนแล้วทานสด ๆ บอกเลยสุดยอด!
เพลิดเพลินไปกับหอยนางรมจนจุใจแล้วก็เดินทางต่อไปยังเมือง ดูบรอฟนิก (Dubrovnik) อดีตศูนย์กลางความเจริญและความมั่งคั่งของเมืองแถบชายทะเล ซึ่่งในปัจจุบันเป็นเมืองท่าและเมืองตากอากาศที่ติดอันดับต้น ๆ ของโลกเลยทีเดียว และหากใครเคยดูซีรีส์ Game Of Thrones อาจคุ้นเคยกับเมืองนี้ เพราะที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายทำในฉากเมืองหลวงคิงส์แลนดิ้งนั่นเอง ด้วยความสวยงามราวกับสวรรค์สร้าง จึงเป็นที่มาของสมยานาม ‘ไข่มุกเม็ดงามแห่งทะเลเอเดรียติก’
ยามพระอาทิตย์ตก ก็สวยงามราวกับอยู่ในเทพนิยาย
ปิดท้ายวันนี้ไปด้วยความสวยงามของเมืองยามค่ำคืน
