แชร์โพสนี้
จีน ถือเป็นหนึ่งในอารยธรรมโบราณที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานของโลกและมีความเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยอดีต ร่องรอยความเจริญเหล่านั้นยังคงปรากฏมาจนถึงปัจจุบัน สัปดาห์นี้ ลีลามีจึงพาทุกท่านไป ย้อนเรื่องราวในอดีต ณ เมืองซูโจว (苏州) เมืองที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘แดนสวรรค์ในโลกมนุษย์’
ซูโจว ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของประเทศจีน ห่างจากเซี่ยงไฮ้เพียงร้อยกิโลเมตร หากเซี่ยงไฮ้ คือ เมืองแห่งความทันสมัย ซูโจว คงเป็นเมืองอนุรักษ์ที่ตั้งเคียงคู่กัน เพราะ ที่นี่เป็นเมืองที่มีความสวยงามแบบจีนโบราณ มีสวนและคลองต่าง ๆ มากมาย อีกทั้งชาวซูโจวก็ยังคงดำเนินชีวิตแบบดั้งเดิมให้เห็นได้ทั่วไปตามท้องถนน
เริ่มออกสตาร์ทกันที่ สวนจัวเจิ้ง (Humble Administrator’s Garden) หนึ่งในสุดยอดสวนโบราณแห่งซูโจว ด้วยพื้นที่ขนาด 51,950 ตารางเมตร ทำให้เป็นสวนที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในเมืองซูโจว สวนแห่งนี้ได้รับการออกแบบครั้งแรกในปี 1509 และสร้างขึ้นตามแบบสวนจีนที่ได้รับการยกย่องให้เป็นสวนที่มีความประณีตงดงามมากที่สุดในทางตอนใต้ของประเทศจีน อีกทั้งได้รับการบันทึกเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO ในปี ค.ศ. 1997
บริเวณสวนแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วนหลัก คือ ส่วนกลาง (Zhuozheng Yuan) ส่วนตะวันออก (Guitianyuanju) และส่วนตะวันตก (the Supplementary Garden) พื้นที่กลางสวนเป็นจุดที่สวยงามที่สุดมองเข้าไปด้านใน Drifting Fragrance Hall ซึ่งมีประตูไม้ 4 บานที่จะเผยให้เห็นถึงมุมมองที่แตกต่างของสวนโดยรอบ
ภายในสวนจัวเจิ้ง มีป่าไผ่ ศาลา สระบัว และสะพาน สะท้อนให้เห็นศิลปะในการจัดสวนของสมัยราชวงศ์ซ่ง หยวน หมิงและชิงเป็นอย่างดี ให้บรรยากาศร่มรื่นพร้อมชมความสวยงามของธรรมชาติ หากมาเที่ยวในช่วงฤดูร้อนจะมีดอกบัวบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมไปทั่วสวน
สิ่งที่โดดเด่นสำหรับที่นี่ คือ ภูมิทัศน์ทางน้ำ ซึ่งครอบคลุมบริเวณถึง 3 ใน 4 ของพื้นที่ทั้งหมด สะท้อนให้เห็นศิลปะการไหลเวียนตามธรรมชาติของน้ำสมัยหมิง
มองอีกมุมหนึ่งของสวนจัวเจิ้งให้ความรู้สึกราวกับอยู่บนเมืองสวรรค์จริง ๆ
จากนั้นล่องเรือชมบรรยากาศของเมืองเก่า และเดินพาลัดเลาะถนนสายประวัติศาสตร์ที่ ถนนผิงเจียง ถนนสายประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ที่มีชื่อเสียงของประเทศจีน
เมืองซูโจวมีความโดดเด่นในเรื่องคลองที่มีจำนวนมาก จากการขุดลอกคลองรอบเมือง เชื่อมแม่น้ำ 5 สายหลักของแยงซีเกียงในอดีต ทำให้ซูโจวกลายเป็นเมืองเศรษฐกิจที่เจริญรุ่งเรืองแห่งหนึ่งของจีน และได้รับการขนานนามว่า ‘เวนิสแห่งตะวันออก’
เมื่อล่องเรือไปเรื่อย ๆ จะเห็นบรรยากาศวิถีชีวิตของผู้คนบนท้องถนน ที่ใช้ชีวิตอยู่เลียบริมคลอง อาคารบ้านเรือนยังคงอนุรักษ์สภาพแบบดั้งเดิมไว้ ทำให้หวนคิดถึงซูโจวในอดีตอีกครั้ง
ลงจากเรือ แวะชมร้านผ้าไหมเก่าแก่ XIU NIANG SILK จำหน่ายสินค้าจากผ้าไหมคุณภาพสูงหลากหลายชนิด นอกจากเมืองซูโจว จะเป็นเมืองที่บรรยากาศดีและสวยแล้ว ที่นี่ยังเป็นศูนย์กลางการค้าขายผ้าไหม และมักใช้ในราชสำนักจีนยุคโบราณ ไหมของซูโจวมีความแตกต่างจากไหมทั่วไป เพราะ ในหนึ่งรังมีไหมสองตัว จึงต้องต้มก่อน แล้วดึงออกมาเป็นเส้น ดังนั้น ไหมของเมืองซูโจว จึงมีความพิเศษและมีคุณภาพสูง
พักเติมพลังกับอาหารอร่อย ๆ ที่ภัตตาคารในโรงแรมโฮวอี้ แมนชัน (Hovle Mansion) โรงแรมสไตล์จีนโบราณ ทุกห้องมีการแสดงศิลปะการจัดสวนและการจัดบ้านอย่างงดงาม เรียกได้ว่า เป็นแหล่งรวมศิลปะแบบจีนขนาดย่อมก็ว่าได้
บรรยากาศในโรงแรมสวยขนาดนี้ รสชาติอาหารของที่นี่ก็เริ่ดไม่แพ้กัน
ปิดท้ายค่ำคืนนี้ที่ ซูโจว เซ็นเตอร์ (Suzhou Center) ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ พบกับสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่ผนึกเข้ากับความสวยงามของเมืองเก่าได้อย่างลงตัว
ซึ่งสามารถเห็นตึกที่สูงที่สุดในมณฑลเจียงซู ที่มีชื่อว่า Gate of the Orient หรือที่รู้จักกันในชื่อ Gate to the East โดยตึกนี้มีความสูงถึง 302 เมตร ภายในมีจำนวน 66 ชั้น โดดเด่นด้วยรูปทรงโค้งเหมือนซุ้มประตู ตั้งตระหง่านเป็นเอกลักษณ์ประจำเมือง