แชร์โพสนี้
โครเอเชีย (Croatia) พูดถึงชื่อประเทศนี้แล้ว บางคนคงขมวดคิ้วว่า เอ๊ะ…มันเป็นประเทศที่อยู่ในทวีปเอเชียหรือเปล่า? คำตอบคือ ผิด! ถึงชื่อจะมีคำว่า ‘เอเชีย’ อยู่แต่มันไม่ได้ใกล้เอเชียเลย เพราะมันอยู่ในทวีปยุโรป ใกล้กับประเทศอิตาลีเพียงแค่ทะเลอาเดรียติก (Adriatic) กั้นเท่านั้น ประเทศนี้คนส่วนใหญ่มองข้ามไปเพราะคิดว่าเป็นประเทศใหม่ แต่ความจริงแล้วโครเอเชียมีประวัตศาสตร์อันยาวนานก่อนแยกตัวออกจากสหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวีย จนสามารถออกมาปกครองตนเองได้ในที่สุด รู้ประวัติคร่าว ๆ แล้วก็ปักหมุดเป็นหนึ่งในประเทศที่ต้องไปเที่ยวสักครั้งได้เลย
เริ่มต้นทริปด้วยการนั่งรถจาก ซาเกร็บ (Zagreb) เมืองหลวงของโครเอเชียมาที่ โอปาเทีย (Opatija) เมืองตากอากาศอันเป็นจุดหมายแรกของทริป ซึ่งเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในทะเลอาเดรียติก และมีชายฝั่งติดทะเลกว่า 6,000 กิโลเมตร อากาศอบอุ่นแดดน้อยตลอดทั้งปี
บรรยากาศเงียบสงบ ลมพัดอ่อน ๆ เหมาะแก่การเดินเล่นพักผ่อนจิตใจ
มีศิลปะให้เห็นทั่วทั้งเมือง ด้วยความเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมจากอิทธิพลเมื่อครั้งยังถูกปกครองโดยอาณาจักรต่าง ๆ
ต่อด้วย สวนสาธารณะอังจอลินา (Angiolina Park) สวนสวยที่มีพื้นที่ให้เดินเล่นราว ๆ 3 ตางรางกิโลเมตร
ทั้งยังเป็นแหล่งรวบรวมพรรณไม้ไว้กว่า 159 สายพันธุ์
และยังมีเทียเตอร์เอาท์ดอร์กลางสวนดอกไม้ไว้จัการแสดงอีกด้วย
เดินจนเหนื่อยก็ได้เวลาเติมพลัง โดยเราเลือกมาที่ร้าน Restaurant Kamelija อย่างที่บอกว่าเมืองนี้เป็นเมืองติดทะเล ร้านอาหารที่พามาจึงอัดแน่นไปด้วยอาหารทะเล
ทานอาหารอิ่มเราก็เดินทางมาอีกเมืองซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองโอปาเทีย นั่นก็คือเมืองริเยกา (Rijeka) โดยนั่งรถประมาณ 20 นาทีก็ถึง เมืองนี้สวยงามด้วยศิลปะความหรูหราแบบคลาสสิคของบ้านเมือง เรียกได้ว่าเป็นย่านที่อยู่อาศัยของเศรษฐี
เห็นหรูหราสวยงามแบบนี้ ใครจะรู้ว่าในอดีตเมืองริเยกาเคยโดนถล่มช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยเพราะเป็นเมืองท่าที่ใช้ต่อเรือและผลิตอาวุธ แต่ปัจจุบันได้รับเลือกให้เป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมของยุโรปซึ่งกำลังจะได้ประกาศและโปรโมทในปี 2020 ใครชอบบรรยากาศคึกคักแบบเมืองท่องเที่ยวอีกสัก 2 ปี ลองมาเที่ยวที่ริเยกาดู เพราะเมืองที่ได้รับเลือกจะมีกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวมากมายตลอดทั้งปี
ใกล้ ๆ กัน ที่ถนน คอร์โซ (Korzo) ถนนคนเดินใจกลางเมืองมักเต็มไปด้วยผู้คนในทุกวััน ด้วยร้านขายของที่หลากหลายแต่เน้นสินค้าที่แสดงออกถึงวัฒนธรรม จึงเหมาะจะเป็นถนนที่นักท่องเที่ยวต่างแดนซื้อของกลับไปฝากคนที่บ้าน
ที่ถนนแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของ Church of the Assumption of the Blessed Virgin Mary and the Leaning Tower โบสถ์เก่าแก่ประจำเมือง ที่มีหอเอนอันเป็นเอกลักษณ์ตั้งอยู่ด้านหน้า ซึ่งสาเหตุที่ทำให้มันเอนตัวอย่างที่เห็นนี้ เนื่องจากพื้นดินใต้หอที่ทรุดตัวจากน้ำที่ไหลเวียนอยู่ด้านล่าง ทำให้ในแต่ละปีมันจะค่อย ๆ เอนลงเรื่อย ๆ เรียกได้ว่าไม่ต่างจากหอเอนเมืองปิซาของอิตาลีเลย
