แชร์โพสนี้
วิกฤติหมอกควัน และมลพิษจากไฟป่าที่เชียงใหม่ยังวิกฤติหนักต่อเนื่อง และเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนในพื้นที่ ล่าสุดเจ้าของโปรดักชั่นผลิตภาพยนต์ที่เชียงใหม่โพสต์ภาพน่ากลัวที่พนักงานสาวของบริษัทไอเป็นเลือดออกปากและจมูก
พนักงานสาวบริษัทผลิตภาพยนต์แห่งหนึ่ง โพสต์ภาพพนักงานลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมระบุว่าพนักงานของบริษัทไอออกมาเป็นเลือด ทั้งทางปากและจมูกจนเปื้อนหน้ากากอนามัยที่พนักงานคนนี้สวมใส่ ขณะที่เดินออกไปซื้อของนอกอาคาร วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้ใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ให้เร่งแก้ไขปัญหาหมอกควันโดยเร่งด่วน
ขณะที่สถานการณ์หมอกควันในจังหวัดเชียงใหม่ต้องบอกว่ารุนแรงมาก เพราะค่าการตรวจวัดจากเว็บไซต์ แอร์ วิชัวร์ เชียงใหม่ขึ้นอันดับ 1 มาเป็นวันที่ 5 แล้ว และวัดได้สูงสุดเมื่อตอนเที่ยงครึ่งสูงถึง 392 ยูเอสเอคิวไอ ส่งผลให้หลายคนมีอาการแสบตา แสบคอ แสบจมูก และบางส่วนก็ล้มป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจแล้วจำนวนมาก แม้จะไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นผลจากสภาพอากาศโดยตรงแต่ก็ทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกถึงผลกระทบได้โดยตรงกับร่างกาย
ขณะที่ศาสตราจารย์นายแพทย์คม สุคนธสรรพ์รองคณบดี คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ออกมาบอกว่าขอให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่งดการออกกำลังกาย ทำกิจกรรมในที่โล่งแจ้งควรนำหน้ากากอนามัยที่ป้องกัน PM2.5 ได้เพราะหน้ากากอนามัยปกติป้องกันไม่ได้ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร บ้านเรือน ที่นำมาสวมใส่ทันที ส่วนที่อยู่อาคารต้องแบบปิด มีเครื่องฟอกอากาศช่วยเพราะ PM2.5 ไม่ว่านอกหรือในอาคารจะมีค่าเท่ากัน
หลายฝ่ายต่างกังวลถึงค่าฝุ่นจิ๋ว PM2.5 ที่กำลังพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง แต่นาย สรัชชา สุริยกุล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่ากรณีค่าคุณภาพอากาศหรือ เอคิวไอ จังหวัดเชียงใหม่ ขึ้นสูงเป็นอันดับ 1 ของโลกตามแอปพลิเคชันแอร์วิชชวล ถูกต้องหรือไม่ โดยตั้งข้อสังเกตเชิงวิชาการว่าฝุ่นละออง ทั้งจุดกำเนิด ชนิดของฝุ่นละอองและการพัฒนาของแต่ละประเทศที่อยู่ต่างทวีปกัน รวมทั้งทวีปเดียวกันก็แตกต่าง การนำเอคิวไอ ตาม US index มาใช้จะเหมาะสมกับประเทศไทยหรือไม่ เพราะแอปพลิเคชัน แอร์วิชวล เป็นของบริษัทเอกชนดำเนินการรายงานคุณภาพอากาศจัดอับดับคุณภาพอากาศจากเมืองใหญ่ทั่วโลก 6 ทวีป 85 เมือง
โดยค่า เอคิวไอ ที่คิดใช้มาตรฐานยูเอส อินเด็ก ซึ่งมีค่าต่างจากที่กรมควบคุมมลพิษแอร์โฟไทยใช้ การคำนวณค่า เอคิวไอ ของแอร์วิชวลใช้ค่าฝุ่นละออง PM2.5 ที่ 35 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่ไทยเอคิวไอใช้ค่าฝุ่นละออง PM2.5 ที่ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทำให้ค่าเอคิวไอของแอร์วิชวลจะสูงกว่าของแอร์โฟไทย ทั้งที่เกิดในห้วงเวลาและสถานที่เดียวกัน ที่สำคัญแอร์วิชวลใช้ค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงแต่แอร์โฟไทยใช้ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ดังนั้นค่า เอคิวไอ ที่แอร์วิชวลจัดอันดับยังคลาดเคลื่อนกับสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างกันของแถบอเมริกาและยุโรป และในความเป็นจริงในวันเวลาที่เชียงใหม่เป็นอันดับ 1 นั้น มีอีกหลายพื้นที่ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีค่าเอคิวไอ สูงกว่าเชียงใหม่ด้วย
