แชร์โพสนี้
เมื่อเวลา 15.45 น. วันที่ 7 มิ.ย. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคฯ พร้อม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ร่วมแถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหาร ซึ่งใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง
นายอุตตม กล่าวว่า ที่ประชุมหารือถึงการพูดคุยกับพรรคร่วมเพื่อจัดตั้งรัฐบาลหลัง ซึ่งกระบวนพูดคุยกับพรรคร่วมยังไม่แล้วเสร็จ ต้องหารือต่อ เรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่จะหมดอายุภายในเดือน ก.ย. จะสานต่อทันที เช่นเดียวกับเรื่องนโยบายกัญชาเสรี ของพรรคภูมิใจไทยที่จะหารือร่วมกัน
ขณะที่ข้อเสนอ พรรคประชาธิปัตย์ ที่เรียกร้องให้การแก้รัฐธรรมนูญ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความซับซ้อน แต่ฝ่ายนิติบัญญัติต้องหารือร่วมกัน แต่ยังไม่ได้เสนอว่าจากขอแก้ไขในประเด็นใดบ้างต้องหารือกันต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเคาะตำแหน่งเป็นคนสุดท้ายจะเกิดปัญหาหรือไม่ นายอุตตม กล่าวต่อว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่นายกฯจะพิจารณารายชื่อของคณะรัฐมนตรีด้วยตัวเอง ในฐานะที่เป็นหัวหน้ารัฐบาลก็ต้องดูในภาพรวมทั้งหมด
ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนพรรค จะทำให้จบเร็วและลงตัวที่สุด ยังตอบไม่ได้ว่าใครจะได้ตำแหน่งใดบ้าง รวมถึงอดีต 4 รัฐมนตรี ก็ยังไม่แน่นอนว่าจะได้ตำแหน่งทั้งหมดหรือไม่
ด้านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปฎิเสธกระแสข่าวตั้งพรรคการเมืองใหม่ ยืนยันผู้สื่อข่าวการเมืองช่อง 3 ว่า”ไม่มีครับ อยู่เฉยๆ เลย”ด้านเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.คนสนิท ยืนยันล้านเปอร์เซ็นต์ เป็นไปไม่ได้เพราะเกียรติภูมิคือพรรคประชาธิปัตย์
หลังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลาออกจากเป็น ส.ส.เพราะพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ และมีเสียงเชียร์จากสังคมให้ไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ ล่าสุด นายอภิสิทธิ์ปฎิเสธยืนยันข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยตอบผ่านไลน์กับผู้สื่อข่าวการเมือง ช่อง 3 ว่า”ไม่มีครับ อยู่เฉยๆ เลย”
ขณะที่ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช คนสนิท ยืนยันล้านเปอร์เซ็นต์ ว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะนายอภิสิทธิ์ มีความผูกพันธ์กับพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นพรรคการเมืองสุดท้าย จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพราะนายอภิสิทธิ์ ที่ผูกพันธ์กับพรรคมาตั้งแต่เด็กๆ จนมาเป็น ส.ส.เป็นหัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรีในนามพรรคประชาธิปัตย์ โอกาสความเป็นไปได้จึงเท่ากับศูนย์ วันนี้การลาออกจาก ส.ส.เป็นการแสดงจุดยืน แสดงสปิริตความรับผิดชอบ แต่ยังไม่ได้ลาออกจากสมาชิกพรรค และไม่ได้หายไปไหน ก่อนตัดสินใจลาออก นายอภิสิทธิ์ ได้แจ้งนายชวน หลีกภัย และบอกลานายบัญญัติ บรรทัดฐานแล้ว
ส่วนบรรยากาศห้องทำงานของนายอภิสิทธิ์ ที่ ชั้น 2 พรรคประชาธิปัตย์ มีการเก็บเอกสารบางส่วน ส่วนของที่ระลึก และพระพุทธรูปที่ประชาชนให้มา จะมอบให้พรรค ขณะที่ห้องทำงานพรรคจะยังเก็บไว้ให้นายอภิสิทธิ์ เหมือนเดิม
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวรา จันทร์มณี ผู้ชนะคำขวัญครบรอบ50ปีพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี 2538 นำโล่พร้อมเงินรางวัล จำนวน5,000บาท มาคืนให้กับพรรคประชาธิปัตย์ โดยวางคืนไว้ต่อหน้าพระแม่ธรณีบีบมวยผม หลังพรรคตัดสินใจร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) และสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะถือว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่รักษาสัญญาประชาคม ละทิ้งอุดมการณ์พัฒนาประชาธิปไตย รับใช้ประชาชน โดยไม่คำนึงถึงอุดมการณ์ที่เขียนไว้เมื่อก่อตั้งพรรคปี 2489
นายวรากล่าวว่า ตนไม่ได้มาด้วยความเกลียดชังพรรคประชาธิปัตย์ แต่มาในฐานะพลเมืองที่ต้องการมีส่วนร่วมทางการเมือง และมีสิทธิท้วงติงให้พรรคการเมืองมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อประชาชน ไม่ใช่เอาแต่ตักตวงช่วงชิง ต่อรองผลประโยชน์ ประดิษฐ์วาทกรรมอำพรางเพื่อฉกฉวยโอกาสเข้าสู่วงจรแห่งอำนาจพรรคการเมืองควรทุ่มเทกายใจแก้ปัญหาให้บ้านเมือง เพราะประชาชนต้องการนักการเมืองที่มีคุณภาพ มีมโนสำนึก มากกว่าพวกเล่นแร่แปรธาตุ ขายวิญญาณ เป็นทากเหลือบแร้งกาคอยสูบจิกรุมทึ้งบ้านเมือง
“ลักษณะของสังคมไทยวันนี้เข้าสู่ยุค แหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน สะกดคำว่าละอายไม่เป็น แต่ก็ขอขอบคุณการแสดงความรับผิดชอบของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค แม้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ที่ประกาศต่อประชนว่าไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จะเพิกเฉยไม่รู้ร้อนรู้หนาว และอ้างมติพรรค เพื่อสร้างความชอบธรรม ที่จะตระบัตสัตย์เพื่อชาติ ที่สำคัญคือการรักษาพันธะสัญญาที่มีต่อประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ควรรักประชาชนมากกว่ารักตัวเอง ไม่ควรละเลยดูถูกเหยียดหยามความรู้สึกและไม่ให้เกียรติประชาชน ผมขอมอบคำขวัญให้ใหม่ว่า “73 ปีประชาธิปัตย์ กัดกร่อนประชาธิปไตย ทรยศประชาชน”นายวรา กล่าว