แชร์โพสนี้
จากความสำเร็จของ “วิว กุลวุฒิ” หนุ่มน้อยมหัศจรรย์ที่สามารถคว้าแชมป์แบดมินตันเยาวชนโลกมาครองได้สำเร็จในวัยเพียง 16 ปี 5 เดือน พร้อมประวัติแชมป์รายการอื่นๆอีกมากมาย น้องวิวมาเปิดใจในรายการดีเบตถึงเส้นทางของความสำเร็จ
น้องวิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์ แชมป์เยาวชนชายเดี่ยวโลกระบุว่า ตอนแรกที่ไปแข่งตั้งเป้าได้เพียงรอบ 4 คนสุดท้ายก็พอใจแล้ว ซึ่งการแข่งขันในรอบชิงฯ ก่อนแข่งไม่ค่อยกดดันเพราะคิดว่าเขาเป็นรุ่นพี่ แต่พอเซตแรกกลับมากดดันขึ้น เซตต่อมาถูกสั่งเปลี่ยนแผนการเล่นทันที และจุดเปลี่ยนคือตอนที่นำ 3 แต้ม ทำให้มีกำลังใจจนคว้าแชมป์ ทำให้รู้สึกภูมิใจที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ตอนนี้ยังไม่ค่อยกดดันเพราะคิดว่าตนยังเด็กอยู่
เมื่อถามว่าวิวเข้ามาเล่นแบดมินตันได้อย่างไร น้องวิวตอบว่า ไปช่วยคุณพ่อตีเล่นกับลูกศิษย์เพราะคุณพ่อเป็นนักแบดอยู่แล้ว เข้ามาเล่นแบดมินตันเพราะใจอยากมาเล่นเองตอนอายุราว 7 ขวบ ซึ่งพ่อให้มาเล่นสนุกสนาน แต่ตัวเองฝันอยากไปแข่งต่างประเทศ ช่วงแรกๆแข่งขันในประเทศก็ยังไม่ค่อยได้รางวัล แต่คุณพ่อก็ให้กำลังใจมาเรื่อยๆ ไม่เคยรู้สึกท้อเพราะก็ตั้งใจมาเรื่อยๆ เชื่อว่าหากตั้งใจและอดทนจะประสบความสำเร็จ
คุณกมลา ทองกร ผู้ก่อตั้งโรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอดระบุว่า วันนั้นที่น้องวิวได้แชมป์ก็รู้สึกดีใจมากเพราะเป็นเหรียญที่ประเทศไทยยังไม่เคยได้ แสดงว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว ซึ่งวิวแข่งในตอนเช้า และน้องเมย์ รัชนกจะแข่งตอนเย็น เราก็เชื่อกันว่าถ้าวิวทำได้ เมย์ก็จะได้แชมป์ด้วย แล้วก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ เราตั้งเป้าหมายต่อไปว่าในยูธโอลิมปิกในปีหน้า ไทยน่าจะได้เหรียญจากแบดมินตันไม่ 1 ก็ 2 เหรียญ
เมื่อถามถึงการได้น้องวิวมาอยู่ในสโมสรบ้านทองหยอด คุณกมลาระบุว่าช่วงแรกแม่ของน้องวิวเอามาฝาก อยากให้ช่วยดูแล จริงๆก็เคยได้ยินชื่อเสียงมาก่อนว่าเป็นคนที่ตีฉลาด ช่วงแรกที่มาก็ยังไม่ค่อยโดดเด่น แต่เป็นเด็กที่ชอบแบดมินตันจริงๆ ชอบดูเทปแข่งขันตามยูทูป เป็นเด็กที่ใฝ่รู้ มีพรสวรรค์ ความนิ่งและความฉลาด ส่วนเรื่องที่จีนตั้งฉายาน้องวิวว่าเป็น “หนุ่มน้อยมหัศจรรย์” นั้น เกิดจากการที่วิวได้เล่นข้ามรุ่นแล้วลีลาการเล่นเป็นที่ประทับใจ จีนจึงตั้งฉายาให้ แต่ก็ตบท้ายไว้ว่าดูกวน ซึ่งจริงๆเขาเป็นคนสุภาพ ส่วนเรื่องแฟนนั้นบ้านทองหยอดไม่มีกฎเรื่องนี้ เขาก็มุ่งมั่นเองโดยไม่ต้องบังคับ
ดีเบต (Debate) โต้เหตุผล ค้นความจริง
“ดีเบต เพราะเราเชื่อว่า เหตุผล และ ความจริง จะทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น”