แชร์โพสนี้
หลังพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เช้าวันต่อมา (27 ตุลาคม 2560) จะเป็นการทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเก็บพระบรมอัฐิ และอัญเชิญไปประดิษฐานยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง
จากนั้นพระราชทานพระโกศพระบรมอัฐิแก่พระบรมวงศานุวงศ์ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิ จากพระเมรุมาศไปยังพระที่นั่งทรงธรรม ประดิษฐานในบุษบกเหนือพระแท่นแว่นฟ้า ส่วนพระบรมราชสรีรางคาร เจ้าหน้าที่ประมวลลงในพระผอบโลหะปิดทอง พักไว้บนพระเมรุมาศ
อ.ธงทอง จันทรางศุ เล่าว่า การประดิษฐสถานพระบรมอัฐิไว้ในพระบรมราชวัง เป็นคติที่เกิดขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ เพราะในสมัยอยุธยาจะเก็บพระบรมอัฐิของพระเจ้าแผ่นดินและราชวงศ์ ไว้ที่วัดพระศรีสรรเพชญ์ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์สงครามทำให้เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ส่งผลให้พระบรมอัฐิที่เก็บไว้ภายในวัดพระศรีสรรเพชญ์ หายไปจนสิ้น ดังนั้นในปี พ.ศ.2325 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงให้ทรงสร้างหอพระบรมอัฐิขึ้น ภายในหอพระธาตุมณเฑียร ซึ่งเขตพระราชฐานชั้นใน
เมื่อผ่านไปหลายรัชกาลหอพระธาตุมณเฑียรก็เริ่มมีความคับแคบ ในปี พ.ศ.2425 เป็นช่วงเดียวกับที่กรุงเทพฯ ผ่านมา 100 ปี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ซึ่งตรงกลางของชั้น 3 จะมีพระวิมารหรือหอพระบรมอัฐิขึ้นอีก
ดีเบต (Debate) โต้เหตุผล ค้นความจริง
“ดีเบต เพราะเราเชื่อว่า เหตุผล และ ความจริง จะทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น”