แชร์โพสนี้
จากกรณีหนุ่ม นศ.แพทย์รายหนึ่งได้ว่าจ้างบริษัทรถขนส่งสัตว์เลี้ยงเพื่อมาส่งเจ้าซีซ่า สุนัขพันธุ์ปอมมาที่โรงพยาบาลสัตว์ใน จ.นครราชสีมา แต่สุนัขได้ตายลง จึงทำให้ นศ.แพทย์รายนี้พยายามเรียกร้องเอาเงินค่าประกันกับบริษัทรถขนส่งสัตว์เลี้ยง ก่อนที่ทางคนขับรถจะขอให้ทางโรงพยาบาลสัตว์ทำการผ่าพิสูจน์ซากสุนัข และพบว่าในกระเพาะสุนัขมียาอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังพบพิรุธเจ้าของสุนัขอีกหลายอย่าง เช่น พบว่ามีการปลอมเอกสาร จึงคาดว่าอาจเป็นการวางแผนเพื่อเอาเงินประกันจากบริษัทขนส่ง
ด้านบริษัทขนส่งกล่าวว่า ได้เกิดเหตุลักษณะนี้มาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งแรก นศ.แพทย์คนดังกล่าวได้ว่าจ้างให้มาขนย้ายสุนัขจาก กทม.ไปยังโคราช อ้างว่าจะเซอร์ไพรส์แฟนสาว โดยขอทำประกันชีวิตเพิ่มเป็นเงิน 4 พันบาท เพื่อให้บริษัทขนส่งรับผิดชอบหากสุนัขตายระหว่างขนส่ง และขณะเดินทางพบว่าสุนัขมีอาการอ่อนเพลีย เมื่อถึงที่หมายทางบริษัทขนส่งก็ได้เดินทางกลับ จากนั้นทาง นศ.แพทย์ได้โทรแจ้งว่าสุนัขได้ตายลง จึงเรียกร้องค่าเสียหาย 4 หมื่นบาท แต่ทางบริษัทขนส่งไม่ยินยอมเพราะสุนัขไม่ได้เสียชีวิตระหว่างขนส่งตามข้อตกลง นศ.แพทย์จึงไปบอกกับ รพ.สัตว์ให้ช่วยเยียวยาคนละครึ่ง ทั้งที่คุณหมอไม่ได้มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับการตาย แต่ก็ได้เยียวยาเป็นเงิน 2 พันบาทและนำซากสุนัขไปเผาให้ที่วัด
ต่อมา มีข้อมูลจากรุ่นพี่เปิดเผยว่า นศ.แพทย์คนดังกล่าวมีพฤติกรรมปกติตั้งแต่เข้าเรียนปี 1 แต่พอเรียนถึงปีที่ 6 คณาจารย์ที่สอนตรวจพบว่าเขามีอาการป่วยทางจิต ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ จึงได้ให้แจ้งพักการเรียนเพื่อไปรักษาตัวก่อน และต้องเรียนซ้ำชั้น ส่วนเพื่อนรุ่นเดียวกันเรียนจบไปแล้ว จึงไม่แน่ใจว่าปัจจุบันนักศึกษาคนนี้ยังอยู่ระหว่างการรักษาอาการป่วยทางจิตหรือไม่
ส่วนทางด้านเจ้าของฟาร์มสุนัขได้เปิดใจว่า เคยขายสุนัขให้ นศ.แพทย์รายนี้ 2 ตัว ราคาประมาณ 6,500 บาท แต่ให้เขียนบิลในราคา 50,000 บาท โดยในวันส่งมอบทาง นศ.แพทย์แจ้งให้เจ้าของฟาร์มงดให้อาหารแก่สุนัข ซึ่งผิดวิสัย โดยอ้างว่าจะทำให้สุนัขหิวโซ หากเจ้าของใหม่ให้อาหาร ก็จะทำให้หมารักเจ้าของใหม่ และมีการพูดถึงการตายของสุนัขระหว่างขนส่ง หากประกันโทรมาให้แจ้งว่าตายระหว่างขนส่ง ไม่เกี่ยวกับฟาร์ม ซึ่งดูจากภายนอกพบว่ามีพฤติกรรมที่ปกติ มีการกอดหอมสุนัข จึงเชื่อว่าจะเลี้ยงดูสุนัขได้เป็นอย่างดี ก่อนมาพบว่าสุนัขจะเสียชีวิต เชื่อว่าถูกกระทำทารุณก่อนตาย และเป็นการจงใจฆ่าหมา
ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จ่อออกหมายเรียก นศ.แพทย์ เพื่อมาสอบปากคำทั้งคดีทารุนกรรมสัตว์-พยายามฉ้อโกง โดยจะออกหมายเรียก 2 ครั้ง หากยังไม่มาพบก็จะออกหมายจับต่อไป

สพ.ญ.ภัทรนันท์ สัจจารมย์ สัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ ชี้แจงว่า ไม่ใช่นิสัยของสัตว์ที่จะกลืนยาเป็นเม็ด ยังไงก็ต้องเคี้ยวก่อนกลืน โดยส่วนตัวจึงคิดว่า นศ.แพทย์ มีการคิดไตร่ตรองและวางแผนมาตั้งแต่ต้น
นายสัตวแพทย์ จักรินทร์ สัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลสัตว์ เซ็นเตอร์ เพ็ท อธิบายว่า เนื่องจาก นศ.แพทย์คนดังกล่าวยังไม่ได้นำซองยาหรือฉลากยาเพื่อมายืนยัน ดังนั้นจึงยังไม่สามารถช่วยเหลือหรือเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทั้งนี้ ล่าสุดมีการค้นกระเป๋าใส่สุนัขของ นศ.แพทย์ และพบยาเม็ดกลมสีขาว 1 เม็ด ซึ่งจะส่งตรวจสอบต่อไปว่าเป็นยาอะไร
ไพโรจน์ สมศรี คนขับรถ ตั้งข้อสังเกตว่า นศ.แพทย์มีพฤติกรรมแปลกๆ เนื่องจากหันช่องระบายอากาศของกระเป๋าสุนัขเข้าหาตัว ไม่หันออกด้านนอก เพื่อให้สัตว์ได้รับอากาศหายใจ อีกทั้งระหว่างแวะปั๊มน้ำมัน นศ.แพทย์ได้นำสุนัขลงจากรถเพื่อป้อนอาหารหรือยา
” คุณผู้ชมคิดว่าสามารถเอาผิดผู้ก่อเหตุฆ่าสุนัขได้หรือไม่? ”
ความคิดเห็นจากผู้ชมรายการ ระบุว่า ได้ 90% และ ไม่ได้ 10%
ดีเบต (Debate) โต้เหตุผล ค้นความจริง
“ดีเบต เพราะเราเชื่อว่า เหตุผล และ ความจริง จะทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น”