แชร์โพสนี้
จากกรณี นางสาวจริยาภรณ์ บัวใหญ่ หรือ น้ำมนต์ ก่อเหตุหลอกลวงผู้เสียหายจำนวนมาก อ้างตัวว่าชื่อ นางสาวสร้อยเพ็ชร พาลีวัลย์ มีธุรกิจขายผลไม้ในหลายจังหวัด และต้องการให้ครอบครัวฝ่ายชายที่คบหาอยู่นั้นร่วมลงทุนในธุรกิจ โดยใช้เวลาในการติดต่อพูดคุยในแต่ละรายประมาณ 1-2 เดือน ก่อนจะตกลงเรื่องสินสอดและโอนค่าสินสอดให้กับฝ่ายหญิง
ล่าสุด นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อทำลายชาติ พาผู้เสียหายจำนวน 13 ราย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อตำรวจกองปราบปราม หลังกลุ่มผู้เสียหายทั้งหมด ถูกนางสาวจริยาภรณ์ บัวใหญ่ หลอกแต่งงานก่อนจะเชิดเงินค่าสินสอดหลบหนี โดยมูลค่าความเสียหายต่อคนคนละประมาณ 1-5 แสนบาท
ซึ่งสาเหตุที่ครอบครัวฝ่ายชายเชื่อ ส่วนมากเพราะมีการพาบุคคลที่อ้างว่าเป็นพ่อแม่ ที่ต่อมาทราบชื่อคือ นายบุญเลี้ยง บัวใหญ่ และนางสำรอง บัวใหญ่ ไปด้วยทุกครั้ง ทำให้การติดต่อเจรจาทุกครั้ง ทั้งเรื่องสินสอดและเรื่องธุรกิจเป็นที่เชื่อถือ
ในส่วนของพ่อแม่ นางสาวน้ำมนต์ ขณะนี้เชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากเดินทางไปร่วมงานแต่งด้วยทุกครั้ง ซึ่งต่อจากนี้ จะเตรียมแจ้งข้อหาทั้งหมดในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ผู้อื่นโดยอ้างตนเป็นบุคคลอื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งต้องตรวจสอบอีกด้วยว่า นางสาวสร้อยเพ็ชร มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิดหรือไม่
ทั้งนี้ หากสามารถพิสูจน์ได้ว่า เป็นการนำเอกสารนางสาวสร้อยเพ็ชร มาทำการเปิดบัญชีโดยแอบอ้าง ก็จะเพิ่มข้อหา ปลอมแปลงเอกสารทางราชการเพิ่มแก่กลุ่มผู้ต้องหาด้วย ซึ่งล่าสุดทราบว่ามีผู้เสียหายรายล่าสุดเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เสม็ด เพิ่มเติมอีกด้วย ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมดไว้ ก่อนจะส่งฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและติดตามหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป
ทนายสงกานต์ ชี้แจงว่า เนื่องจากน้ำมนต์มีเจตนาหลอกลวงตั้งแต่ต้น โดยใช้ชื่อบุคคลอื่นแอบอ้างตัว และไม่ได้มีเจตนาเอาฝ่ายชายเป็นสามี ดังนั้นจึงเชื่อว่าสามารถเอาผิดได้ รวมทั้งพ่อ-แม่ของน้ำมนต์ ที่ใช้ชื่อบุคคลอื่นแสดงตัวด้วย
น้องสาวผู้เสียหาย เล่าว่า ตนเองรู้สึกแปลกใจที่น้ำมนต์ไม่ให้นำชื่อไปดูดวง รวมทั้งได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้เสียหายรายอื่น ที่รู้จักกันเป็นการส่วนตัวมาก่อนแล้ว จึงนำชื่อไปตรวจสอบก่อนพบว่าใบหน้าเจ้าของชื่อเป็นคนละคนกัน จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความ ทั้งนี้ ได้มีบุคคลอ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งข้อความมาข่มขู่
ขณะที่ คุณไพรรัตน์ พึ่งสุข หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนเองต้องสูญเงินร่วมล้าน ทั้งเงินสินสอดและรถยนต์ โดยผู้ก่อเหตุทำทีมาขอยืมรถเพื่อไปจัดการแผงผลไม้ แต่แล้วกลับขโมยรถหายไปเลย
” คุณคิดว่าเอาผิดเจ้าสาวลวงโลกได้หรือไม่ ? ”
ความคิดเห็นจากผู้ชมรายการ ระบุว่า ได้ 88% และ ไม่ได้ 12%
ดีเบต (Debate) โต้เหตุผล ค้นความจริง
“ดีเบต เพราะเราเชื่อว่า เหตุผล และ ความจริง จะทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น”