แชร์โพสนี้
รายการทรีสปอร์ต แม๊กกาซีน เทปนี้ เรามีโอกาสได้พูคุยกับ ‘โจ’ พาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ และโฆษกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่จะมาเล่าถึงทิศทางการพัฒนาของวงการฟุตบอลในบ้านเราตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจเลยทีเดียว รวมถึงนโยบายและการทำงานที่ได้ทำไปแล้ว และนโยบายที่กำลังจะเริ่มในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย
หลังจากที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยภายใต้การดูแลของ พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ประมุขบอลไทยคนที่ 17 ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก็มีหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควร โดยคุณโจ พาทิศ ศุภะพงษ์ เปิดเผยว่า การบริหารการทำงานทางสมาคมได้วางแผนไว้ตลอดระยะทั้ง 4 ปีอยู่แล้ว จะเห็นได้ว่าในปีแรกคือปี 2016 ได้มีการฟื้นฟูตลอดจนการพัฒนาคนในองค์กร มีเจ้าหน้าที่ที่ถูกส่งไปทำงานกับทางเอเอฟซี และไปเรียนรู้งานจากทางฟีฟ่าด้วย
สำหรับปี 2017-2018 คือการวางแผนการพัฒนาทางด้านแผนเทคนิค เปรียบเสมือนเป็นคู่มือในการพัฒนาฟุตบอล เริ่มตั้งแต่เรื่องของเยาวชน ลีกอาชีพ ศูนย์ฝึกฟุตบอล โค้ช ผู้ตัดสิน และทางวิทยาศาสตร์การกีฬาต่างๆ ส่วนในปี 2019 นั้น เรื่องของสนามฟุตบอลที่ไม่เฉพาะเพียงไว้สำหรับแข่งขันฟุตบอลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
นอกจากนี้ความเป็นไปได้ที่จะได้เห็นทีมชาติไทยอุ่นเครื่องกับทีมชาติที่ได้เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2018 ประเทศรัสเซียนั้น ตอนนี้มีการติดต่อประสานงานไปบ้างแล้ว ซึ่งต้องรอคำตอบคาดว่าต้นปีหน้าทุกอย่างจะชัดเจนยิ่งขึ้น
ขณะที่ปัญหาเรื่องของแฟนบอล ที่ปัจจุบันจำนวนการเข้ามาเชียร์ในสนามลดลงอย่างเห็นได้ชัด โฆษกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดว่า เรื่องนี้มีหลายปัจจัยที่จะต้องแก้ไขปัญหาร่วมกัน ทั้งในแง่การประชาสัมพันธ์ของแต่ละสโมสร รวมถึงการลดเกมจำนวนการแข่งขันลงเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับแฟนบอลไปในตัวโดยเฉพาะเกมกลางสัปดาห์ และการขยายตลาดคนดูให้แพร่กระจายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน นั่นก็คือการเพิ่มโควต้านักเตะอาเซี่ยนนั่นเองแน่นอนว่าเราจะได้ประโยชน์จากส่วนนี้
จะเห็นได้ว่า สิ่งสำคัญในการพัฒนาวงการฟุตบอลไทยนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับทางสมาคมเพียงอย่างเดียว การร่วมมือกันของสโมสรฟุตบอลในบ้านเราที่จะต้องทำอย่างจริงจังกับการสร้างทีมให้แข็งแกร่งและยั่งยืน และปัจจัยเรื่องของคนดูที่เข้ามาชมเกมในสนาม ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะเป็นตัวขับเคลื่อนให้ฟุตบอลไทยขับเคลื่อนไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป